วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ผิวสวยด้วยผักผลไม้







ผัก

มะเขือเทศสุก 
    เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังสดชื่น ป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ ทำให้หน้าขาวขึ้น
น้ำคั้นจากผลมะเขือเทศมีวิตามินหลายชนิด จึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นและมีสารกลูโคอัลคาลอยด์ ชื่อโทเมทีน (tomatine)  เป็นสารที่ออกฤทธิ์สมานแผล นอกจากนั้น มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยล้างผิวหน้าให้สะอาดนุ่มนวล ปรับสภาพผิวแห้งกร้าน และคืนสภาพผิวชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี

การเตรียมมะเขือเทศ
สามารถใช้มะเขือเทศได้ทั้งลูกโดยไม่ต้องปอกเปลือก

การใช้มะเขือเทศ
-ฝานมะเขือเทศวางบนใบหน้าสักครู่  จะช่วยทำให้ใบหน้าสะอาด  และดูเต่งตึงเปล่งปลั่งขึ้น 
-มะเขือเทศปั่นผสมกับข้าวโอ๊ตหรือรำข้าว พอกหน้า ทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาทีแล้วล้างออก
เนื้อมะเขือเทศสุกบดละเอียด ลูบไล้ปลายหางตาจะลดการเหี่ยวย่น ป้องกันการเกิดริ้วรอยตีนกา ต้องทำทุกวันจึงจะเห็นผล
-มะเขือเทศสุกบดละเอียด ผสมน้ำนมสด เป็น beauty mask พอกหน้าทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาทีแล้วล้างออก พอกเป็นประจำจะทำให้ผู้ที่มีหน้าดำเป็นจุดๆ ค่อยๆ ขาวขึ้น ช่วยทำให้ผิวหน้าสะอาดขึ้น






แตงกวา 
    เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังสดชื่น เพิ่มความยืดหยุ่น ลดการบวมแดง สมานผิว
แตงกวาเป็นสมุนไพร เก่าแก่ชนิดหนึ่งซึ่งสาวทั่วโลกใช้เป็นเครื่องสำอางมาอย่างยาวนาน โดยแตงกวาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีสารกลูซิด (glucids) กรดอะมิโน และเกลือแร่ต่างๆ ไปช่วยทำให้เกิดของสารชุ่มชื้นตามธรรมชาติที่ผิวหนังขึ้นมาใหม่
แตงกวายังช่วยทำให้ผิวหนังคงความเยาว์วัย มีความยืดหยุ่นจากการที่แตงกวามีสารซิสทิน (cystin) และเมทิโอนิน (methionin) และยังมีสารโพลีแซ็กคาไรด์ ที่ช่วยทำให้ผิวหนังสดชื่น ต้านการเป็นปื้นแดง ซึ่งจะมีประโยชน์ในการใช้ทาหลังจากไปตากแดดมา เช่น ไปทำนา ไปตีกอล์ฟ เป็นต้น 
แตงกวาเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าแห้งจากการที่มีคุณสมบัติไปเพิ่มความชุ่มชื้นและเหมาะกับคนที่มีหน้ามันจากคุณสมบัติสมานผิว

การเตรียมแตงกวา
-หั่นแตงกวาสดๆ ตามขวางบางๆ วางให้ทั่วใบหน้า
-หั่นแตงกวาแล้วปั่นกรองคั้นเอาแต่น้ำเก็บไว้ใช้ทา ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน ๒ วัน
-นำแตงกวาปอกเปลือก ๔ ส่วน กลีเซอรีน ๓ ส่วน น้ำ ๑ ส่วน ปั่นเข้าด้วยกัน กรอง เก็บน้ำไว้ใช้ได้ประมาณ ๑ ปี นำสารสกัดแตงกวานี้ไปผสมกับเนื้อครีมหรือโลชัน ประมาณ ๒-๔  ช้อนชาต่อครีมหรือโลชัน ๑๐๐ มิลลิลิตร

การใช้แตงกวา
-ใช้แตงกวาสดๆ ฝานเป็นชิ้นบางๆ วางให้ทั่วใบหน้าที่ทำความสะอาดแล้ว ทำบ่อยๆ จะทำให้ใบหน้า ดูผุดผ่อง เปล่งปลั่งขึ้น และยังช่วยรักษาฝ้าบนใบหน้า ได้อีกด้วย
-ใช้น้ำแตงกวามาทาใบหน้าเป็นประจำจะช่วยลดจุดด่างดำ รอยฝ้าที่เกิดจากการผจญแสงแดดและมลพิษ ระหว่างวัน และช่วยบำรุงผิว
-ใช้แตงกวาสดปั่นละเอียด ๒-๓ ผล ผสมกับน้ำผึ้ง ๑_๔ ถ้วย หรือนมสด ๑_๒ ถ้วย ปั่นให้ละเอียด นำมาพอก   หน้า ทิ้งไว้ ๑๐ นาที แล้วล้างออก ก่อนนอนทุกวัน เหมาะกับคนผิวแห้ง จะทำให้ผิวหน้านุ่มนวลขึ้น   
-ใช้แตงกวาปั่นละเอียด ๒-๓ ผล โดยผสมกับไข่ขาวดิบตีจนฟู ๑ ฟอง น้ำมะนาว ๑ ช้อนชา ผสมจนเป็น เนื้อเดียวกัน นำมาพอกทิ้งไว้ ๑๐-๑๕ นาที ลดความมันบนใบหน้าสำหรับคนผิวมัน และยังช่วยกำจัดสิวเสี้ยน ทำให้หน้าเกลี้ยงเกลาขึ้น
-ใช้แตงกวาฝานเป็นแว่นแปะที่ดวงตา แตงกวาสดจะมีเอนไซม์ย่อยเซลล์ที่ตายแล้ว ทำให้เซลล์บริเวณรอบดวงตาเย็น การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อลดลง ริ้วรอยน้อยลง
-ใช้แตงกวาสดใหม่ทั้งผลปั่นละเอียด ผสมน้ำผึ้งพอเหลว นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้สักครู่ และล้างออกด้วยน้ำอุ่น เนื้อแตงกวาจะช่วยย่อยโปรตีนชั้นนอกที่หยาบกร้านและเกรียมแดดให้หลุดออกมาได้ และยังช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งแตกเป็นขุย





แครอต 
    ทำให้ผิวหนังเรียบลื่น ควบคุมการสร้างไขมันของต่อมไขมัน ทำให้เซลล์แข็งแรง ป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ ทำให้หน้าขาวขึ้น
แครอตเป็นผักที่มีวิตามินและเกลือแร่สูงมาก ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าแครอตเป็นสมุนไพรผู้พิทักษ์ผิวที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากแครอตมีสารเพกติน กรดอะมิโน ซึ่งเป็นสารอาหารและสร้างฟิล์มบางเพื่อทำให้ผิวเรียบลื่นและสดชื่นทั้งยังมีสารโปรวิตามินเอ และวิตามินซีซึ่งมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ 

นอกจากนี้ วิตามินซี วิตามินเอ แมกนีเซียม เหล็ก แมงกานีส ทองแดงซึ่งจำเป็นต่อการสร้างอีลาสทินและคอลลาเจน ส่วนวิตามินในกลุ่มของวิตามินบีและโปร-วิตามินเอจะช่วยในการควบคุมการสร้างไขมันจากต่อมไขมัน แครอตยังช่วยให้หน้าขาวขึ้นจากสารบีตาแคโรทีน 

วิธีเตรียมแครอต
ปอกเปลือกออกก่อนที่จะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปปั่น ซึ่งในการปั่นจะต้องมีน้ำอยู่เล็กน้อยให้พอปั่นได้

วิธีใช้แครอต
-แครอตหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ๑ ถ้วยผสม น้ำครึ่งถ้วย เพียงสองอย่างหรือเติมน้ำผึ้งแท้ ๑_๔ ถ้วย (สำหรับคนหน้าแห้ง) หรือไข่ขาว ๑ ฟอง (สำหรับคนหน้ามัน) ลงไป ปั่นรวมกันให้ละเอียด พอกทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำทุกวันก่อนเข้านอน หน้าจะสดใส เต่งตึงและขาวขึ้น
-แครอตต้มสุกนำมาบดให้ละเอียด พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ ๑๕-๒๐ นาที 







ผลไม้

กล้วย 
    เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังสดชื่น ป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ
กล้วยมีสารเมือก เพิ่มความชุ่มชื้น ทั้งยังมีวิตามิน เกลือแร่  โปรตีน อีกหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลบรอยเหี่ยวย่น รักษาแผล

การเตรียมกล้วย
ใช้ส่วนที่เป็นเนื้อกล้วยบดหรือปั่น

การใช้กล้วย
-ใช้กล้วย ๑ ผล น้ำผึ้ง ๑ ช้อนชาสำหรับคนผิวแห้งหรือน้ำส้มหรือน้ำมะนาว ๑ ช้อนชาสำหรับคนผิวมัน ปั่น ผสมให้เข้ากัน จนละเอียดพอกให้ทั่วหน้า รวมทั้งลำคอ ทิ้งไว้ทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาที จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น เรียบลื่น เต่งตึง ลบรอยเหี่ยวย่น
-ใช้กล้วย ๑ ผล ผสมน้ำมันมะกอก ๑ ช้อนชา นำมาปั่น ผสมให้เข้ากัน พอกหน้าจนถึงลำคอ ทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาที แล้วจึงล้างออก เหมาะกับคนหน้าแห้ง จะทำให้ใบหน้าชุ่มชื้น เต่งตึง ลบรอยเหี่ยวย่น
-ใช้กล้วยน้ำว้าสุกปอกเปลือก บดให้เหลว แล้วทาให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดนุ่ม ชุ่มชื้น






สับปะรด  
    กำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว (keratolysis) ป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ ลดการ อักเสบ
สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าต่อความงามของผิวพรรณจากการที่สับปะรดมีเอนไซม์ papain ช่วยย่อยเซลล์ที่ตายแล้ว ของชั้นผิวหนังให้หลุดออกมา มีประโยชน์ ต่อผู้ที่มีสิวหัวดำอุดตันที่ใบหน้า ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น สับปะรดยังมีสรรพคุณในการช่วยลดการอักเสบและยังมีวิตามินเอ วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและมีเกลือแร่อีกหลายชนิดช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น 

การเตรียมสับปะรด
นำสับปะรดมาปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นให้ละเอียด

การใช้สับปะรด
-น้ำสับปะรด ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด ๓ ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาด พอกให้ทั่วบริเวณใบหน้า ยกเว้นปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ ๑๕-๒๐ นาทีแล้วออก
-ใช้น้ำที่คั้นได้จากผลสับปะรด นำมาชโลมผิวหน้า ทิ้งไว้พอแห้งแล้วล้างออก จะทำให้หน้าเนียนนุ่ม เนื่องจากสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวชั้นนอกสุดถูกย่อยและขจัดออกไป





มะม่วง 
    เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้เรียบ ลื่น ทำให้ผิวหนังสดชื่น ป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ
มะม่วงมีวิตามินซีและ reducing glucid สูง จึงช่วยทำให้ผิวหนังสดชื่น ลบรอยเหี่ยวย่นและต้านอนุมูลอิสระ ในมะม่วงยังมีสารที่เป็นน้ำตาลร่วมกับกรดอะมิโน จึงช่วยทำให้เกิดความเรียบลื่น ชุ่มชื้นบนชั้นของหนังกำพร้า วิตามินเอ วิตามินซี และเกลือแร่ที่มีอยู่ในมะม่วงยังช่วยให้กลไกการสร้างเซลล์ใหม่เป็นไปได้ดียิ่งขึ้น 

การเตรียมมะม่วง
ปอกเปลือกออก เลือกใช้เฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อ

การใช้มะม่วง 
-ใช้สำหรับคนเป็นฝ้า นำเนื้อมะม่วงสุกมายีหรือ ปั่น แล้วนำไปพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้จนรู้สึกว่าแห้งจึงล้างออก จะทำให้หน้าขาวและนุ่มนวลขึ้น มะม่วงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น